วันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กรอบความคิด และการมองจากนอกกรอบความคิด

กรอบความคิด และการมองจากนอกกรอบความคิด

เมื่อวันหนึ่งที่เราเติบโตขึ้น เรียนรู้มามากขึ้น เห็นอะไรมากขึ้น
เรียนรู้ที่จะรับฟังผู้อื่น และคิดวิเคราะห์โดยตัดเอาอารมณ์ออกไปได้
เราก็จะเริ่มมองเห็นภาพรวมของปัญหาที่เกิดขึ้นได้ครอบคลุมมากขึ้น
เราก็จะเริ่มรู้ว่า บางอย่างที่เราเคยเชื่อมาตลอดนั้น
บางทีก็สามารถพังทลายลงได้ง่ายๆ ด้วยความคิดเห็น
อันมีเหตุผลหักล้างจากผู้อื่น

หลังจากนั้นเราก็จะเริ่มรู้ว่า สิ่งที่ปกติธรรมดา
และหลักแนวคิดของสิ่งเหล่านั้นที่ดำเนินไปอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น
มันมีปัญหา และบางทีมันก็เป็นต้นเหตุของปัญหา

เราก็เริ่มที่จะวิเคราะห์ และแสดงความคิดเห็นออกไป
โดยหวังว่า สิ่งที่เราคิดว่า ถูกนั้น จะสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมไปในทางที่ดีขึ้น

จากนั้นก็จะมีคนที่เห็นด้วยกับเรา และไม่เห็นด้วยกับเรา
บางคนก็โต้ตอบ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยเหตุผล
บางคนก็ด้วยอารมณ์ ภาษาก็มีทั้งดอกไม้บ้าง อุตพิดบ้าง หรือ ขี้บ้าง

และด้วยความคิดที่สามารถมองอะไรได้ทะลุมากขึ้น
มองเห็นภาพรวมมากขึ้น เราก็เชื่อมั่นว่า สิ่งที่เราคิดนั้น มันน่าจะเป็นทางที่ถูกที่ควร
แล้วเราก็จะเริ่มมอง เหล่าผู้คนที่หลงติดอยู่ในกรอบเดิมๆ
หลงวนเวียนอยู่ในกรอบของสังคมที่ปกติธรรมดา อันเป็นต้นกำเนิดของปัญหานั้น
กลายเป็นคนที่มองอะไรตื้นเขิน มองปัญหาแบบด้านเดียว
ซึ่งเราสามารถสรุปได้ว่า แนวทางนั้น ไม่สามารถเป็นบ่อเกิดของการพัฒนาทางความคิดได้

ระหว่างที่เรากำลังรับฟังความคิดเห็นเหล่านั้น
ฝ่ายที่ต่อต้านเรา ที่ยังจมอยู่ในกรอบความคิดเดิมๆ
ก็จะใช้เหตุผลประเภทที่เราเห็นว่า ไร้เหตุผลสิ้นดี
เหตุผลประเภท
"คุณไม่เคยมาอยู่ในจุดนี้ คุณก็ไม่เข้าใจหรอก"
หรือ "คุณโตแล้ว คิดเป็นแล้ว แค่นี้ก็น่าจะคิดได้สิ"

ความเห็นแรก อาจจะพอเข้าใจได้ เพราะเราไม่ได้เข้าใจจุดนั้นจริงๆหรือเปล่า
แต่บางปัญหาการมองจากภายนอก ก็อาจมองได้ดีกว่าก็ได้
ส่วนความเห็นที่สอง ต้องยอมรับว่า
เป็นความคิดเห็นที่ผลักภาระ และไร้เหตุผลสุดๆจริงๆ
เพราะการแสดงความคิดเห็นเช่นนั้น เท่ากับว่า
คุณกำลังบอกอีกฝ่ายว่า "ถ้ามึงคิดต่างจากกู แปลว่ามึงโง่!"
แล้วเราก็มองกลับไปแบบเหยียดๆ หรืออาจจะไม่ให้ความสนใจ ขอข้ามไปอ่านความคิดเห็นอื่นดีกว่า


แต่ถ้ามองในมุมกลับกันแล้ว
เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ทางที่เราคิดว่า มันไม่สามารถเป็นต้นแบบของการพัฒนาได้นั้น
ควรจะเปลี่ยนแปลงไปในทางใด
เพราะระบบความคิดนั้นมันได้ขับเคลื่อนสังคมมาระยะหนึ่งแล้ว
สังคมก็เดินไปในทิศทางของมัน ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง
คนที่อยู่ในกรอบความคิดนั้น ก็มีความสุขดีกับสิ่งที่ตัวเองได้พบ
เพราะบางทีเราก็มีความสุขแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก บางทีเราก็ได้รับประโยชน์จากมัน

ระบบที่มีปัญหานั้น ครั้งหนึ่งก็เคยถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาหนึ่ง
จนถึงวันนี้ยุคสมัยเปลี่ยนไป มันก็สร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาแทนที่
เราจึงลุกขึ้นต่อต้านมัน และคิดว่า มันไม่สมควรที่เราจะยึดติดในกรอบความคิดนี้อีกต่อไป

แต่ปัญหาคือ
แล้วทางที่เราควรจะเปลี่ยนไปนั้น มันเป็นทางใดกันแน่
เราอาจจะคิดทางแก้ปัญหา ที่น่าจะสามารถแก้ปัญหาระบบกรอบความคิดเดิมๆ
ซึ่งคาดว่า จะนำไปสู่การพัฒนาทางความคิด
แต่แล้ว เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า
ทิศทางนั้น เหมาะสมกับสังคมนี้จริงๆ
เราได้ทำนายปัญหาที่จะเกิดขึ้นใหม่ไว้หรือไม่
เพราะไม่มีระบบใดที่จะมีความเป็นอุดมคติ ไร้ปัญหาอย่างแน่นอน
แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่นั้น มันจะร้ายแรงกว่าปัญหาเดิมหรือไม่ อย่างไร?

ถ้าสมมติว่า เราไม่ได้คิดทางแก้เอาไว้
แต่เราแค่เห็นว่า การเดินต่อไปในทางนี้ ไม่ดี
เราจะลุกขึ้นต่อต้านมันหรือไม่?
ถ้าต่อต้าน แล้วเราจะนำสังคมไปทางใด หรือ จะปล่อยให้เป็นภาระของสังคมต่อไป

หรือ ถ้าเราคิดทางแก้เอาไว้
แต่มีคนในกรอบความคิดเดิมที่ไม่เห็นด้วยอยู่มาก
เราจะลุกขึ้นต่อต้านหรือไม่ แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าสิ่งที่เราทำนั้นควรแล้ว
หรือเราจะแค่ทิ้งคำถามไว้ แล้วปล่อยให้เป็นปัญหา หรือ วิวัฒนาการของสังคม
ที่จะต้องหาทางเดินกันต่อไปอยู่ดี


ในสถานการณ์เหล่านี้ คุณคิดอย่างไร และคุณจะลุกขึ้น หรือปล่อยให้ปัญหามันคงอยู่ต่อไป
หรือคุณจะแค่แสดงความคิดเห็น แล้วมันก็จบไป ปล่อยให้สังคมคลำทางกันไปเอง

พูดตรงๆ ในฐานะคนเขียนเอง ตอนนี้คิดไม่ออกจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น