เมื่อเรายื่นขาเราออกไปในความมืดอันเจิดจ้า
ความเวิ้งว้าง ที่อัดแน่นไปด้วยสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน
ห้วงสมุทรแห่งความรู้กว้างใหญ่ไพศาล มีเราลอยเท้งเต้งอยู่กลางคลื่นลม
ยิ่งจุดเทียนส่องเข้าไปในความมืดมากเท่าไหร่
ยิ่งสัมผัสได้ถึงที่ว่างอันกว้างใหญ่ที่แสงยังเข้าไปไม่ถึงมากเท่านั้น
เมื่อก้าวเข้าไปในห้องที่เราไม่เคยย่างเข้าไปมาก่อน
ก็ถูกความกลัวแห่งความไม่รู่ถาโถมเข้ามา จนเซถลา
เราค่อยๆคลำหาเชือกจำนวนมหาศาลที่กองอยู่บนพื้น
ควานหาปลายของเชือก ก็ไม่อาจพบ
ได้แต่จับมันผูกโยงไปมา หาจุดสัมผัสอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เมื่อเราได้พบกับตัวต่อตัวใหม่ เราก็ค่อยๆสะสมมัน
จับมันมาวางเรียงกับชุดตัวต่อชุดเก่า ที่ยังต่อไปไม่ถึงไหน
เราก็ได้แต่กวาดตามองหาจุดลงตัวของชุดตัวต่อเหล่านั้นไปเรื่อยๆ
เรารู้สึกหวั่นใจกับโลกใบใหม่ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
เพราะทุกอย่างเป็นสิ่งไม่คุ้นเคย เราไม่อาจเข้าใจมันได้ในทันที
ไม่อาจทำความเข้าใจด้วยเหตุผลที่เคยชิน
เส้นทางเส้นใหม่นี้นอกจากจะไกลสุดลูกหูลูกตา
ยังแตกแขนงออกไป จนไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหนดี
มีแต่ความไม่มั่นใจก่อตัวขึ้นจนเต็ม
แต่เมื่อเราลองสงบสติ และคุยกับตัวเองแล้ว
นอกจากความรู้สึกไม่มั่นคงที่เราก้าวออกจากวงกลมแห่งความปลอดภัย
สิ่งที่คุ้นเคยในชีวิต
ยังมีความรู้สึกตื่นเต้น อยากรู้อยากเห็น และสนุกสนาน
เมื่อได้เจอกับสิ่งใหม่ เกิดขึ้นมาพร้อมกันภายในจิต
และนี่คือ ความรู้สึก ณ ตอนนี้
เมื่อก้าวเข้าไปในโลกศิลปะ
เมื่อก้าวเข้าไปในโลกศิลปะ