เรามีเสียงหนึ่งเสียงเท่ากัน
การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกเฟ้นหานายกรัฐมนตรีคนที่ 28 หรืออาจจะเป็นคนที่ 27 ต่อไป
แต่ผลจะออกมาอย่างไร ก็คงคาดเดาได้ตั้งแต่ก่อนเลือกอยู่แล้ว
ถ้าติดตามการเมืองมาสักพัก ก็น่าจะเห็นแนวโน้มของมติส่วนใหญ่ได้ไม่ยาก
แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม
เราทุกคนก็ได้ใช้สิทธิ์ของตัวเองในการเลือกผู้นำโดยเท่าเทียมกัน
บางคนชอบเบอร์ 1 ก็เลือก
บางคนชอบเบอร์ 5 ก็เลือก
บางคนชอบเบอร์ 10 ก็เลือก
บางคนไม่ชอบอะไรเลย คิดไม่ออก บอกไม่ถูก ก็เลือกที่จะไม่เลือก
แต่ไม่ว่าจะ กา ช่องใด
ต่างคนก็ต่างใช้วิจารณญาณของตัวเอง
โดยใช้ประสบการณ์ และชุดข้อมูลของตัวเองที่ได้รับมา เป็นเครื่องตัดสินใจ
ดังนั้นการที่คนโดยทั่วไปคิดต่างกัน มันก็มาจากหลายปัจจัย
ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการศึกษา หรือผลประโยชน์ อย่างที่ทุกคนนำมากล่าวอ้าง โจมตีกัน
แต่สิ่งที่สำคัญคือ การเลือกตั้งครั้งนี้
เป็นการเลือกตั้งตามกลไกของสังคมและกฎหมาย เป็นไปอย่างถูกต้อง
ไม่ว่าใครจะชนะ ได้เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี
ก็เข้ามาตามเกม ไม่ได้เล่นนอกเกมแต่อย่างใด (หรือเล่นวะ?)
ดังนั้นไม่ว่าเราจะได้นายกคนที่เราเลือกหรือไม่ เราก็ควรจะยอมรับ ว่าผลลัพธ์มันเป็นไปตามกติกา
การที่เราออกมาตีโพยตีพาย ว่าทำไมคนนี้ถึงได้วะ ทำไมคนที่เราเลือกถึงไม่ได้
มันเหมือนเด็กที่แพ้เกม ลงไปดิ้นกับพื้น
แล้วงอแงว่า กูจะชนะๆให้ได้
อีกทั้งการที่มาโจมตีฝ่ายตรงข้าม ว่า
คนที่เลือกเบอร์นี้ มันโง่ ไร้การศึกษา เลือกได้ไง
หรือ มึงได้ผลประโยชน์ล่ะสิ หรือมึงต้องการจะล้มล้างล่ะสิ
หรือแม้กระทั่งฝ่ายชนะ ออกมาเยาะเย้ย ถากถาง
ก็ยิ่งทำให้ทั้งหมดนี้ แสดงความไม่มีน้ำใจนักกีฬา
และการไม่ยอมรับสิทธิ์ของผู้อื่นมากเกินไปหน่อย
หลังจากนี้ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรก็ตาม
เราหวังว่า มันจะไม่เกิดกระแสต่อต้านอย่างเกินพอดีอีก
เพราะว่าในสมัยที่สีแดง เป็นผู้นำ ก็มีสีเหลืองออกมาต่อต้าน
และในสมัยที่สีฟ้าขึ้นเป็นผู้นำ สีแดงก็ออกมาขัดขวาง
จนเป็นอันไม่มีเวลาทำมาหากินใดๆ
ถ้าครั้งนี้ ฝ่ายที่ไม่พอใจ ยังออกมาทำตัวเป็นฟันเฟืองที่ไม่ยอมหมุน
เอาแต่จะขัดกับกลไกโดยรวมอีก มันก็ไม่มีวันที่ประเทศไทย มันจะได้ก้าวไปไหนได้
ต่างคนก็ต่างขัดแข้งขัดขา ไม่ให้อีกฝ่ายได้ขยับตัว แล้วมันจะไปทำอะไรได้
ไม่ว่ามันจะก้าวไปข้างหน้า หรือจะถ้าวถอยหลังลงคลอง
อย่างน้อยประเทศของเราตอนนี้มันก็ต้องการการเปลี่ยนแปลง
ไม่ใช่ยืนนิ่งอยู่ในจุดอันน่ากระอักกระอ่วน กลืนไม่เข้า คายไม่ออกแบบนี้
ถ้ามันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ทุกอย่างดีขึ้น ก็ถือว่าเป็นบุญของประเทศนี้
แต่ถ้าทุกอย่างเลวร้าย ความเหี้ยกระหน่ำ เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด
จนประเทศไทยจมลงถึงจุดต่ำสุด
เราก็อยากจะมองโลกในแง่ดีว่า
ถ้ามันถึงจุดๆนั้นจริงๆแล้ว เราเชื่อว่า คนในประเทศไทย จะหูตาสว่าง
เติบโตขึ้น และดิ้นรนให้ออกจากความหายนะด้วยการผนึกกำลังกันเอง
เพราะทุกคนต่างมีเจตนาที่ดีต่อชาติทั้งนั้น ไม่มากก็น้อย
แต่เพราะเรายังไม่เคยเจออะไรที่เลวร้ายจนถึงที่สุด
เราจึงเหมือนคนที่ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
แต่เราเชื่อว่า ไม่ต้องถึงจุดนั้นก็ได้ คนไทยเราน่าจะมีวิจาณญาณมากพอ
หลังจากนี้ใครจะทำอย่างไร ก็คงตัดสินใจด้วยตัวเอง
แต่ถ้าไม่เป็นการบังอาจเกินไปนัก
เราขอเอาความคิดเห็นของเรา มาแนะนำหน่อย
ต่อจากนี้ไม่ว่าใครจะเป็นนายก เราก็อยากให้ทุกคนยอมรับมติส่วนใหญ่ของคนในประเทศ
เพราะว่านี่คือ ประเทศไทย ซึ่งเป็นของคนไทยทุกคน
แม้ว่าเราจะเกลียด หรือเราจะชอบ นายกคนนี้มากเพียงใด
ก็อยากให้คงความรู้สึกนั้นไว้ก็ได้ แต่ต้องยอมรับ
ไม่ใช่กูไม่เอา กูก็จะออกมาขัดขวาง
กูจะปิดถนน กูจะยึด กูจะเผา กูจะเมา กูจะอาละวาด ตามใจตัวเอง
หรือ ยืนกรานในความคิดของตัวเองโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
แต่เราไม่ได้บอกว่า จงลืมความเหี้ย ความระยำ ที่ใครคนนั้นเคยทำไว้
เราไม่ได้บอกว่า จงคล้อยตาม
เราไม่ได้บอกว่า จงเงียบ ไม่ตั้งคำถาม
สิ่งที่เราควรทำ น่าจะเป็นการติดตามการทำงาน การดำเนินงานของรัฐบาลชุดต่อไป
แล้วนำสิ่งที่เกิดขึ้นมาคิดวิเคราะห์ รวบรวมข่าว ข้อมูล
จากนั้นจึงนำมาตัดสินด้วยตัวเอง ว่า มันดี หรือไม่ดี หรือ อย่างไร
จากนั้นถ้ามันดี เราก็จงสนับสนุน
ถ้ามันไม่ดี เราก็ควรเอาหลักฐาน และแนวความคิดที่เราพิจารณา
มาตั้งคำถาม ชี้ประเด็นให้สังคมเห็น พร้อมหลักฐานประกอบ
ถ้าสิ่งนั้นฟังขึ้น เราเชื่อว่า ต้องมีคนไม่น้อยที่คล้อยตามเรา
ไม่ใช่จะยืนกราน กระต่ายขาเดียว ไปโดยเลื่อนลอย ไร้หลัก
หลังจากนั้นถ้าเราจะต่อต้าน กฏหมายก็เปิดทางให้เราต่อต้าน และขัดขวาง
ตามกติกาอยู่แล้ว การเล่นนอกกติกา ก็ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
เพราะมันก็จะเป็นข้ออ้างในเกมการเมืองไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้น
และทุกครั้งการเล่นนอกกติกาที่ผ่านมา
นอกจากผลประโยชน์ หรือความสะใจเล็กๆน้อยๆของกลุ่มคนไม่กี่คนแล้ว
ผู้ที่เสียประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุด หาใช่ใครอื่น
นอกจากประชาชนคนไทยที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินรูปขวานแห่งนี้
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทุกคนก็มีหนึ่งสิทธิ์ หนึ่งเสียงเท่ากัน
ไม่มีใครมีมากกว่าใคร
แล้วในเมื่อทุกคนก็ต่างตัดสินใจแล้ว ที่จะเลือกใช้เสียงของเราหนึ่งเสียงนี้
เลือกคนที่เราคิดว่าดี
หากการที่นายกรัฐมนตรีคนหนึ่งจะก้าวขึ้นมาได้
ก็หมายความว่า มีคนไทยเกินครึ่งหนึ่งของประเทศ
ตัดสินใจแล้วว่า บุคคลผู้นี้ ดีต่อประเทศ เหมาะที่จะเป็นผู้นำของพวกเรา
แล้วเราก็จะยังยืนกราน ไม่สนใจความคิดของคนจำนวนมากงั้นหรือ?
ไม่ว่าบุคคลผู้นี้จะดี หรือ ชั่ว หรือ เลวทราม ต่ำช้าเพียงใด หรือดีเลิศประเสริฐแค่ไหน
บุคคลผู้นี้ก็เป็นตัวแทนของคนเกินครึ่งของประเทศ
ซึ่งทุกคนก็มีความหวังที่จะผลักดันประเทศไทยของเรา
ให้เดินไปในทางที่ดี ที่ถูกที่ควร โดยมีบุคคลผู้นี้ เป็นผู้ตัวแทน
ในที่สุดแล้วหากเราจะเป็นประชาธิปไตย ตามที่เรากล่าวอ้าง อยากจะเป็นแล้ว
นอกจากเราต้องรู้จักสิทธิ หน้าที่ของตัวเอง
เราต้องรู้จักเคารพสิทธิ และการตัดสินใจของผู้อื่นด้วยเช่นเดียวกัน
ปล. แต่ถ้าถามถึงจุดยืนของเรา
เราขอบตอบด้วยสิ่งนี้
http://www.youtube.com/watch?v=5wcuthQFIWo